วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2554

Winx Club - Roxy Enchantix

H2O Just Add Water Season 2 DVD INTRO 2 MY STYLE 5

Sie ist unsere Königin - Barbie und das Geheimnis von Oceana (Lyrics)

proof that spongebob is gay

proof that spongebob is gay

Mario's Mega Mushroom

Mario's Big Jump

Spongebob 3d

SpongeBob Walk Cycle

Tom & Jerry

วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เด็กช่างรักจริง

kr-ติดปีกความคิดถึง

MV คิดถึงใจจะขาด ( ไชโย ธนาวัฒน์ )

กอดหน่อยได้ไหม พลพล



เนื้อเพลง กอดหน่อยได้ไหม

เพลง  กอดหน่อยได้ไหม
ศิลปิน  พลพล
อัลบั้ม  Soundtrack of life(เพลงประกอบชีวิต)
เนื้อร้อง     : พยัต ภูวิชัย
ทำนอง  :     พยัต ภูวิชัย,นันทพงศ์ ทศพร
เรียบเรียง : นันทพงศ์ ทศพร
โปรดิวเซอร์ : เทียนชัย เกียรติปรุงเวช
Vocal Director    : หมู มูซู

เมื่อเธอไม่อยู่ หรือฉันต้องไป 
ในความเคลื่อนไหวบางครั้งก็มีคิดมากไปบ้าง
ก็เพราะว่าห่วง  เมื่อเราต้องห่าง
เวลาอ้างว้าง    อยากรู้ว่ายังมีเรา
ไม่ใช่ว่าหวงแต่เหงา อยากให้เข้าใจ

เพราะไม่เห็นหน้า  ถึงโทรมาบ่อย
ก็อย่างน้อยๆ ได้ยินเสียงพอให้เหงามันคลาย
เพราะโลกมันกว้าง  เพราะทางมันแสนไกล
จะอยู่ตรงไหน ไม่เหมือนที่เรามีเรา
ไม่ใช่ว่าหวงแต่เหงา อยากให้เข้าใจ

กอดหน่อยได้ไหม  ด้วยคำว่าคิดถึง
อยากฟังอีกสักครั้งหนึ่ง ให้ใจได้อุ่นใจ
อยู่ห่างขนาดนี้ คิดถึงกันบ้างไหม
กอดบ่อยๆได้ไหม ถ้าใจเธอเหงาเหมือนกัน
    
ขอเพียงใกล้ใจ  แม้จะไกลกัน
ระหว่างทางฝัน  อย่างน้อยฉันยังมีเธอเติมใจ
ไม่นานจะมา เห็นหน้าใกล้ๆ
จะกอดเธอไว้  ....ให้เหมือนกอดแรกของเรา
แต่ว่าตอนนี้มันเหงา  อยากให้เข้าใจ

เพลงกอดหน่อยได้ไหม

เนื้อเพลง กอดหน่อยได้ไหม

เพลง  กอดหน่อยได้ไหม
ศิลปิน  พลพล
อัลบั้ม  Soundtrack of life(เพลงประกอบชีวิต)
เนื้อร้อง     : พยัต ภูวิชัย
ทำนอง  :     พยัต ภูวิชัย,นันทพงศ์ ทศพร
เรียบเรียง : นันทพงศ์ ทศพร
โปรดิวเซอร์ : เทียนชัย เกียรติปรุงเวช
Vocal Director    : หมู มูซู

เมื่อเธอไม่อยู่ หรือฉันต้องไป 
ในความเคลื่อนไหวบางครั้งก็มีคิดมากไปบ้าง
ก็เพราะว่าห่วง  เมื่อเราต้องห่าง
เวลาอ้างว้าง    อยากรู้ว่ายังมีเรา
ไม่ใช่ว่าหวงแต่เหงา อยากให้เข้าใจ

เพราะไม่เห็นหน้า  ถึงโทรมาบ่อย
ก็อย่างน้อยๆ ได้ยินเสียงพอให้เหงามันคลาย
เพราะโลกมันกว้าง  เพราะทางมันแสนไกล
จะอยู่ตรงไหน ไม่เหมือนที่เรามีเรา
ไม่ใช่ว่าหวงแต่เหงา อยากให้เข้าใจ

กอดหน่อยได้ไหม  ด้วยคำว่าคิดถึง
อยากฟังอีกสักครั้งหนึ่ง ให้ใจได้อุ่นใจ
อยู่ห่างขนาดนี้ คิดถึงกันบ้างไหม
กอดบ่อยๆได้ไหม ถ้าใจเธอเหงาเหมือนกัน
     
ขอเพียงใกล้ใจ  แม้จะไกลกัน
ระหว่างทางฝัน  อย่างน้อยฉันยังมีเธอเติมใจ
ไม่นานจะมา เห็นหน้าใกล้ๆ
จะกอดเธอไว้  ....ให้เหมือนกอดแรกของเรา
แต่ว่าตอนนี้มันเหงา  อยากให้เข้าใจ

วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2554

น้ำยาอเนกประสงค์

สูตรทำน้ำยาปรับผ้านุ่ม | DIY FABRIC SOFTENER

ผลจากที่ผงซักฟอกนำน้ำยาปรับผ้านุ่มมาผสม ทำให้แบรนด์ผู้เล่นในตลาดพยายามทำ Segmentation ออกผลิตภัณฑ์น้ำยาปรับผ้านุ่มสำหรับเด็ก  ผ้ายีนส์  ผ้าลินิน เป็นต้น  การใส่นวัตกรรมที่ช่วยในเรื่องความเข้มข้นสูง ช่วยให้มีประสิทธิภาพการทำงานมากยิ่งขึ้น หวังเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าตนเองเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่กำลังให้ผลิตภัณฑ์ของตัวเองเดินเข้าสู่มุมอับ

บริษัทไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เครือสหกรุ๊ป ออกน้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรใหม่เฉพาะคนรักยีนส์ภายใต้ซับแบรนด์ "เอสเซ้นซ์ยีนส์" มีการทำตลาดย่อยเซ็กเมนต์อย่างชัดเจนในกลุ่มคนใช้ยีนส์  ซึ่งเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม มีราคาที่สูงกว่าท้องตลาดประมาณ 13-14 % โดยบรรจุอยู่ในแพกเกจจิ้งชนิดถุงเติม ขนาด 800 มิลลิลิตร นับเป็นการแก้แกมที่ไม่ลงมาเล่นสงครามราคา

บริษัทยูนิลีเวอร์ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ฐานะผู้นำตลาดน้ำยาปรับผ้านุ่มแบรนด์ "คอมฟอร์ท" ออกมาร่วมศึกเช่นกัน ส่งน้ำยาปรับผ้านุ่มคอมฟอร์ทที่ชูเอาเรื่องของนวัตกรรมใหม่เจาะกลุ่มกำลังซื้อพรีเมียม  โดยนำเสนอสูตรเข้มข้น "คอมฟอร์ท อัลตร้า" เข้ามาสร้างการรับรู้ผ่านสื่อโฆษณาโทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ และแจกสินค้าตัวอย่าง พร้อมกิจกรรม ณ จุดขาย เพื่อสื่อสารถึงประสิทธิภาพการใช้งานที่ใช้เพียงนิดเดียวก็ทำให้มีกลิ่นหอมได้นาน และถนอมเนื้อผ้า

บริษัทไบโอคอนซูเมอร์ จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มกลุ่มผลิตภัณฑ์ซักล้างว่า  นวัตกรรมยังเป็นตัวหลักที่แข่งขันกัน ซึ่งไบโอ ฯ มุ่งให้ความสำคัญกับนวัตกรรมเชิงคุณค่าใส่ลงไปในตัวผลิตภัณฑ์เพื่อสนองตอบความต้องการของลูกค้าแต่ละเซ็กเมนต์สูงสุด โดยเรามีแบรนด์ในกลุ่มซักล้างทั้งหมด 3 แบรนด์  ได้แก่ 1.ไฟนไลน์ - มีน้ำยาปรับผ้านุ่ม  น้ำยารีดผ้าเรียบน้ำยาอัดกลีบ และน้ำยาซักผ้า  จับกลุ่มแม่บ้านทันสมัยเห็นได้จากภาพยนตร์โฆษณาที่สื่อสารถึงความหรูหรา ทันสมัยตลอดเวลา

ดังนั้นควรแข่งกันด้วยนวัตกรรม  อย่างไรก็ตามคาดการณ์ว่าอีก 3 ปีข้างหน้าผู้บริโภคจะใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มหลังการซักผ้าร้อยเปอร์เซ็นต์ (ที่มา http://www.crmtothai.com/index.php?option=com_content&task=view&id=2028&Itemid=80

จากบทความข้างต้น คุณเห็นหรือไม่ว่าการแข่งขันเรื่องราคาจะเป็นทางตันสำหรับบริษัทฯ ในการแข่งขันในตลาด ต่างหันมาเพิ่มนวัตกรรม และเจาะตลาดให้ตรงกับเป้าหมายมากขึ้น แต่หากคุณต้องการความประหยัด คุณสามารถทำเองได้ด้วยต้นทุนที่ถูก เลือกกลิ่นตามที่ต้องการ ทำเองใช้เองในบ้าน ได้คุณสมบัติคล้ายกัน ทำไมไม่ลองหันมาทำเองดูล่ะครับ

บริษัท ฮงฮวด จำกัด มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เป็นส่วนหนึ่งของคุณ และนำเสนอสูตรทำน้ำยาปรับผ้านุ่ม อย่างง่าย ๆ ด้วยตัวคุณเอง

ส่วนประกอบในการทำได้แก่

หัวเชื้อทำน้ำยาปรับผ้านุ่ม HRO16 or HISOFTER

สารสร้างความเหนียวข้น GUAR GUM

หัวน้ำหอม ULTIMA ในแนวของ FINELINE
สารกันเสีย GLYDANT (แนะนำให้ใส่)

สีละลายน้ำ สีส้มแดง
วิธีการทำมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
  1. ต้มน้ำร้อน 10 กิโลกรัม แล้วพักไว้ (การใช้น้ำร้อนทำให้หัวเชื้อละลายได้เร็วขึ้น)
  2. ละลาย GUAR GUM กับน้ำ 5 กิโลกรัม ค่อย ๆ กวน จะเห็นว่าน้ำเริ่มมีความหนืด แล้วเข้ากัน
  3. น้ำหัวเชื้อปรับผ้านุ่ม เทลงไป แล้วกวนให้เข้ากันเล็กน้อย ในขั้นตอนนี้หัวเชื้ออาจจะไม่ละลายหมด ไม่ต้องกังวล
  4. ค่อย ๆ เติมน้ำร้อนที่ต้มไว้ก่อนหน้านี้ลงไปทีละ 1 กิโลกรัม จนหมด ระหว่างเติมให้กวนไปเรื่อง ๆ จนละลาย อาจใช้เวลามากหน่อย
  5. อาจมีส่วนที่ไม่ละลาย ลอยหน้าอยู่ สามารถตักทิ้งได้ หากเสียได้ ให้นำไปตั้งไฟ จนละลาย แล้วนำกลับมารวมกับที่มีอยู่
  6. ละลายสี แต่งเติมสีตามความพอใจ ใส่มากจะเข้มมาก
  7. รอจนน้ำยาปรับผ้านุ่มเย็นตัวลง จึงเติมกลิ่นลงไป 100 กรัม (ห้ามเติมกลิ่น ขณะที่ยังร้อนอยู่ เพราะความร้อนจะทำให้กลิ่นระเหยไป)
  8. เติมสารกันเสีย 0.10% ของปริมาณทั้งหมด (ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ) แนะนำว่าให้ใส่
  9. แบ่งบรรจุใส่ภาชนะที่สะอาด ใช้งานได้ทันที
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ shop@honghuat.com

น้ำยาอเนกประสงค์

บ้านเฮาเด้อ

อาหารพื้นเมืองอีสานมักจะต้องมีส่วนปรุงรส หรือชูรสด้วยผักพื้นบ้านอีสาน ซึ่งมีเอกลักษณ์ทางด้านถิ่นกำเนิด กลิ่นและรสที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ หายากเพราะมีผลผลิตออกมาตามฤดูกาล นอกจากนั้นยังเป็นพืชผักที่ให้คุณค่าทางด้านสุขภาพอนามัย ปลอดสารพิษ ทำให้เป็นที่นิยมกันทั่วไป ไม่ว่าจะทำอาหารประเภทลาบ ก้อย ต้ม แกง อ่อม ล้วนต้องใช้ผักพื้นเมืองเป็นส่วนประกอบทั้งสิ้น
            ในอาหารที่แนะนำให้รู้จักได้กล่าวถึงผักหลายชนิด ท่านอาจจะสงสัยว่า คือผักอะไรกันแน่ มีสรรพคุณอย่างไร เรามารู้จักกันหน่อยดีกว่า
  1. ผักหอมเป หรือ ผักชีฝรั่ง (Stink Weed) มีคุณค่าทางอาหารมาก นำไปกินใบสดหรือใช้เป็นส่วนประกอบในอาหาร ประเภทต้ม ลาบ ก้อย ป่น เพื่อดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ ส่วนคุณค่าทางยา จะได้วิตามินหลายชนิด เช่น วิตามิน ซี, บี 1, บี 2, ไนอาซีน และเบต้า-แคโรทีน ซึ่งเป็นสารเริ่มต้นของการสร้างวิตามินเอ
  2. ตะไคร้ (Lemon grass) มีคุณค่ากับอาหารไทยมานานแล้ว ใส่ในต้มยำ แกงต่างๆ หรือจะหั่นฝอยใส่ยำ ใส่หม่ำ เพิ่มกลิ่นหอม เพิ่มรสชาติและดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ คุณค่าทางยา จะช่วยลดการบีบตัวของลำไส้บรรเทาอาการปวดท้อง ลดอาการจุกเสียด แน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ ใช้หัวนำมาคั่วไฟกินแก้ขับปัสสาวะ แก้ขัดเบา แก้นิ่วในระยะแรกๆ แก้ปัสสาวะหยด และยังใช้ใบมาย่างไฟให้เหลือง แก้อาการปวดท้อง ท้องขึ้น ท้องเฟ้อ บรรเทาอาการร้อนใน ริมฝีปากแห้ง
    ตะไคร้หอม บางท้องถิ่นเรียก ตะไคร้แดง เพราะลำต้นสีแดง สรรพคุณแก้ริดสีดวง เป็นแผลในปาก ริมฝีปากแตก ร้อนในกระหายน้ำ สตรีมีครรภ์กินมากไม่ได้ กินแก้ขับเลือดเสีย ขับลมในลำไส้ ใช้ทาตามแขน ขา มือ เท้าป้องกันยุงและแมลงรบกวนได้ดี
  3. สะระแหน่ (Kitchen mint) เป็นผักที่มีกลิ่นดี หอมเย็น เป็นผักกินสดๆ วิตามินจึงไม่ลดลงไปเพราะการใช้ความร้อน ใช้โรยหน้าต้มยำ ลาบ ก้อย คุณค่าทางอาหารและทางยาให้ความสดชื่น ความคิดแจ่มใส ตากแห้งผสมกับใบชาชงเป็นชาหอมได้ มีเบต้า-แคโรทีน และวิตามินซีสูง
  4. ผักขะแยง (Balloon vine) ผักที่มีกลิ่นรสหอมฉุน ใช้ปรุงรสอาหารโดยเฉพาะแก่งอ่อมกบ แกงหน่อไม้ คุณค่าทางยา คั้นน้ำจากต้นแก้ไข้ ทั้งต้นเป็นยาขับน้ำนม ขับลมและเป็นยาระบาย มีวิตามินและแร่ธาตุ
  5. ชะอม (Cha-om) ช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหาร กินยอดอ่อนทั้งสดและลวก ยอดอ่อนแกงกับหน่อไม้ หรือทอดใส่ไข่จิ้มน้ำพริก คุณค่าทางยา แก้ท้องเฟ้อ ขับลมในลำไส้ แก้ปวดเสียวในลำไส้ มีเส้นใยอาหาร ป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด และมีเบต้า-แคโรทีนสูง รากใช้ฝนกับน้ำหรือเหล้าขาวแก้ขับลมในกระเพาะอาหาร ท้องอืดเฟ้อ
  6. ผักหวานป่า (pagwan pa) เป็นผักพื้นบ้านมีบางฤดู ส่วนที่นำมาปรุงเป็นอาหารได้คือ ยอดอ่อนและใบอ่อน เช่น แกงเลียง แกงจืดใส่หมูบะช่อ แกงใส่ปลาย่าง ผัดใส่หมู หรือผัดไฟแดง คุณค่าทางยาเพราะมีใบสีเขียวจึงมีวิตามิน เกลือแร่และเบต้า-แคโรทีนมาก
  7. ผักกระเฉด (Water mimosa) คุณค่าทางอาหารกินสดกับขนมจีน หรือน้ำพริกกะปิ ยำกระเฉด หรือผัดไฟแดง ใส่แกงส้ม คุณค่าทางยา ถ้ากินสดจะได้ วิตามินบี, วิตามินซี เบต้า-แคโรทีน ไนอาซีนและเกลือแร่ต่างๆ
  8. ผักเสี้ยน (ดอง) (pagsian, Capparidaceae) นิยมนำมาดองเค็มหรือดองเปรี้ยวกินกับป่น หรือแจ่ว คุณค่าทางยาแม้จะผ่านการดองแล้วแต่ปริมาณเบต้า-แคโรทีน ซึ่งเป็นสารเริ่มต้นของวิตามินเอยังสูงอยู่ และมีวิตามินแร่ธาตุอื่นๆ อีก
  9. มะขาม (Tamarind) สรรพคุณ เป็นยาระบาย แก้อาการท้องผูก แก้ไอ และแก้หวัดคัดจมูก มีวิตามินซี ช่วยให้ ฟันและเหงือกแข็งแรง และทำให้ผิวพรรณดี
  10. กะถิน ยอดและฝักใช้กินเป็นผักสด แก้ร้อนในกระหายน้ำ ช่วยให้เจริญอาหาร บำรุงหัวใจ เมล็ดแก่ กินแก้ขับลม ขับระดูในสตรี บำรุงไตและตับ แก้อาการนอนไม่หลับ เป็นยาอายุวัฒนะ แต่มียูริกสูงต้องห้ามสำหรับคนเป็นโรคเก๊าท์
  11. กะเพรา ใช้ใบดอกประกอบอาหาร เพิ่มรสชาด สรรพคุณทางยาบำรุงธาตุ แก้ปวดท้อง ท้องขึ้น แก้ลมตาล ลมทรางในเด็ก ใช้ปรุงผสมกับสมุนไพรอื่นๆ เป็นยาเขียว ยาลมธาตุ ยาแก้กษัย ส่วนรากใช้ฝนใส่ฝาหม้อดินผสมกับสุราขาวหยอดใส่ปากเด็กโต 3-5 ขวบขึ้นไป ช่วยไล่ลมในกระเพาะ ลำไส้ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ
  12. กระเทียม ใช้ปรุงอาหารต่างๆ ช่วยให้มีกลิ่นเผ็ดร้อน ชวนรับประทาน ใช้หัวสดตำทาแก้โรคผิวหนัง เช่น เกลื้อน กลาก ตลอดจนเม็ดผดผื่นคันตามตัวทั่วไป ปรุงผสมสมุนไพรอื่นๆ ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร ริดสีดวงลำไส้ ขับลมในกระเพาะ เป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยให้นอนหลับง่าย แก้โรคหืด
  13. ขี้เหล็ก ใบอ่อนนำมาต้มจนเปื่อย หมดรสขม นำมาแกงใส่อุ้งตีนวัว หรือหนังวัว/ควายตากแห้ง ปิ้งไฟทุบให้นุ่ม ใส่น้ำใบยานาง บางคนก็ชอบกะทิใส่ลงไปแซบอีหลีเด้อสิบอกให่ สรรพคุณทางยา แก่นต้นขี้เหล็กนั้นแก้ธาตุพิการ อาหารไม่ย่อย บำรุงธาตุไฟแก้หนองในและกามโรคในบุรุษ ราก แก้ไข้หัวลม อากาศเปลี่ยนฤดู แก้ปวดเมื่อย เหน็บชา แก้กษัย บำรุงไต ดอก แก้โรคประสาทอาการนอนไม่หลับ แก้หอบหืด บดผสมน้ำฟอกผมบนศรีษะขจัดรังแค เปลือก แก้ริดสีดวงทวาร ริดสีดวงลำไส้ แก้โรคเบาหวาน สมานแผลให้หายเร็ว ใบแก่ แก้ถอนพิษ ถ่ายพิษ กามโรค ตำพอกที่แข้งขา มือเท้าที่มีอาการบวมเนื่องจากเหน็บชา ดับพิษร้อนถอนพิษไข้ พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย กิ่ง-ใบ ทำเป็นยาระบายถ่ายพิษ ขับเสลดในคอ แก้ไข้จับสั่น (มาลาเรีย) ฯ
  14. แคขาว แคแดง ยอดใบ ดอกและฝักเรานำมากินเป็นผัก นึ่งใส่ปลา ลวกจิ้มแจ่ว แซบแท้ๆ และยังเป็นยาแก้ท้องเดิน ท้องร่วง สมานแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ แก้บิด มูกเลือด แก้ไข้หัวลม เปลือกต้นแคนั้นมีสรรพคุณทางยาแก้ร้อนในกระหายน้ำ ขับเสมหะในลำคอ ใช้ฝนเอามาทาแผลเปื่อย แผลสดได้ผลดี ส่วนใบนำมาตำพอกแผลสดเพื่อสมานเนื้อให้หายเร็ว
  15. ตำลึง ใบตำนิน (ก็ว่า) ใบเป็นผักใช้ทำอาหารได้หลายอย่างทั้ง ผัด ลวก นึ่ง หรือจะใส่ในแกงก็อร่อย มีสรรพคุณทางยาดังนี้ ใบ ใช้ตำหรือบดผสมแป้งดินสอพอง พอกแผล ฝี ช่วยบีบรีดหนองให้แตกออกมา เพื่อให้แผลฝีหายเร็ว ใช้ใบปรุงกับสมุนไพรอื่นๆ เป็นยาเขียว ยาเย็น แก้ขับอาการร้อนในและพิษไข้ให้ตัวเย็นลง หรือนำใบไปตำทาตามผิวหนังแก้ผด ผื่นคัน เถา ใช้ตัดมาคลึงให้นิ่ม บีบเอาน้ำภายในออกมา หยอดตา แก้ตาฝ้า ฟาง ตาแดง ตาแฉะ มีขี้ตามาก ราก แก้ตาเป็นฝ้า ติดเชื้อ ดับพิษปวดแสบปวดร้อนในตา บำรุงธาตุเจริญอาหาร บำรุงหัวใจ บำรุงดี ทำให้ระบบขับถ่ายสะดวก รักษาโรคลำไส้และกระเพาะอาหาร ผลสุก มีสีแดงเป็นยาบำรุงร่างกายฯ
  16. มะเขือเทศ อีสานบ้านเฮามักเอาใส่ตำบักหุ่ง (แซบอีหลี) ให้วิตามินซี แก้เลือดออกตามไรฟัน (ลักปิดลักเปิด) หากกินสม่ำเสมอจะทำให้ไม่เป็นมะเร็งในลำไส้ แก้โรคนอนไม่ค่อยหลับ หรือมักนอนผวา สะดุ้ง หรืออาการตกใจง่ายๆ
  17. มะละกอ หรือหมากหุ่ง หรือบักหุ่ง ผลไม้สารพัดประโยชน์ในด้านอาหารของชาวอีสาน จะแห้งแล้ง อุดมสมบูรณ์ ถ้ามีหมากหุ่งละก็รอดตายเลย ใช้ทำส้มตำรสแซบ แกง หรือผัด ผลสุกกินเป็นของหวาน ตัดเป็นชิ้นๆ ลงในต้มเนื้อจะทำให้เนื้อเปื่อยง่าย เร็ว สรรพคุณทางยา ราก รสฉุนเอียนใช้แก้โรคหนองใน ขับเลือด หนองในกระเพาะปัสสาวะ บำรุงไต ก้านใบ มีสรรพคุณเช่นเดียวกัน กับทั้งฆ่าพยาธิในลำไส้และในกระเพาะอาหาร แก้โรคมุตกิต ระดูขาว เหง้า ตรงที่ฝังดินมีรากงอบโดยรอบ ใช้ทำยาขับและละลายเม็ดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะได้ผลดี
  18. มะระ ผักไห่ หรือหม่านอย ตามท้องถิ่น คนจีนเรียก โกควยเกี๊ยะ สรรพคุณทางยา ยอดและใบอ่อน แก้โรคปวดตามข้อ ตามกระดูก ที่เรียกว่า รูมาติซั่มและเก๊า แก้อาการร้อนในกระหายน้ำ เมล็ด ฆ่าพยาธิในลำไส้ เป็นยาระบายอ่อนๆ ระลายพิษต่างๆ ให้ออกทางปัสสาวะและอุจจาระ ขับฤดูเสียในสตรี บำรุงดี ตับและม้าม ยอดมะระ ใช้แก้อาการเจ็บคอ ดับพิษร้อนถอนพิษไข้ ในปัจจุบันวงการแพทย์ไทยได้วิจัยค้นพบว่า สามารถใช้แก้โรคเอดส์เบื้องต้นได้ ทำให้เม็ดผื่นคัน แผลในร่างกายไม่ลุกลาม ทำให้กินได้นอนหลับ มีกำลังดีขึ้น
  19. มะรุม ผักอีฮุม นำฝักอ่อนมาแกงใส่ปลาอร่อยนักแล สรรพคุณทางยา เปลือก ถากมาต้มน้ำกินเป็นยาช่วยขับลมในกระเพาะและลำไส้ บำรุงธาตุ ราก รสเผ็ด หวานขม ใช้แก้อาการบวมน้ำ บำรุงธาตุไฟ เจริญอาหาร ยอดและฝักอ่อน ช่วยให้เจริญอาหาร แก้ไข้หัวลม (เปลี่ยนฤดู) ช่วยย่อย
  20. ใบยานาง คนที่รู้จัก "ใบย่านาง, ใบยานาง" ส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นคนภาคอีสาน หรือชอบกินอาหารอีสาน เพราะใบย่านางมักถูกใช้เป็นส่วนประกอบหนึ่งของแกงหน่อไม้ และซุปหน่อไม้ คงมีหลายคนที่ชอบกินแต่คงไม่ทราบว่าน้ำสีออกดำๆ เขียวๆ ที่อยู่ในซุปหน่อไม้ หรือแกงหน่อไม้นั้นได้มาจากน้ำของ "ใบย่านาง" นั่นแม้ว่าสีของน้ำใบย่านางนั้นอาจจะดูไม่ค่อยน่ากินสักเท่าไร แต่น้ำจากใบย่านางนั้นจะช่วยทำให้หน่อไม้ดองมีกลิ่นหอมและมีรสชาติกลมกล่อม เพราะช่วยกำจัดกลิ่นเปรี้ยวและรสขมออกไป ทำให้อาหารจานนั้นแซบนัวหลายๆ หรือหากจะนำยอดอ่อนใส่ในแกงต่างๆ ก็เพิ่มความอร่อยได้ด้วยเช่นกัน
                นอกจากความเเซบแล้ว ใบย่านางยังมีสรรพคุณในการช่วยถอนพิษ แก้ไข้และลดความร้อนในร่างกายได้ อีกทั้งยังเป็นพืชที่ให้แคลเซียมและวิตามินซีค่อนข้างสูง และยังให้สารอาหารอื่นๆ เช่น ฟอสฟอรัส เหล็ก และวิตามินเอ วิตามินบี 1 บี 2 และเบต้า-แคโรทีน หากกินทั้งใบก็จะมีเส้นใยมาก ส่วนรากของใบย่านางช่วยถอนพิษ แก้ไข้ แก้เมารถ เมาเรือ แก้โรคหัวใจและแก้ลมได้ด้วย ขอแถมให้อีกนิด หากนำน้ำใบย่านางมาสระผม จะช่วยทำให้ผมดกดำ ชลอผมหงอกได้อีกต่าง
ที่มา  http://www.oknation.net/blog/267329/2009/06/30/entry-3

การปลูกกล้วยไม้

ชาวบ้านตัดไม้เพื่อทำการเพาะปลูก ในที่นี้คือ ปลูกข้าว ทำให้ต้องตัดต้นไม้ ออกเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการปลูก (ผมไม่ทราบว่าทำไมต้องตัดออก เมื่อก่อน
มีต้นไม้ในทุ่งนาเยอะแยะ ก็ร่มรื่นดี แต่ตอนนี้ตัดออกซะแล้ว) เลยทำให้กล้วยไม้ที่อยู่บนต้นไม้ต้องตายลงในที่สุด แต่ก็มีบุคคลบางกลุ่มสงสารเลย
นำมามัดติดต้นไม้ไว้ที่บ้าน เพื่อเป็นการอนุรักษ์มันไว้ไม่ให้ตายลงไป ซึ่งป่าทางภาคอิสานที่ผมอาศัยอยู่ใน กล้วยไม้ที่เห็นชาวบ้านนำมาติดตอไม้
มากที่สุดเห็นจะเป็น สามปอย เขาแกะ ช้าง สิงโต เข็มขาว ฯลฯ ซึ่งได้รับการบอกเล่าจากชาวบ้านว่า นำมาจากต้นไม้ที่ตัดทิ้งที่ทุ่งนา

การดูแลกล้วยไม้ป่าของชาวบ้านมีดังนี้
1. แกะออกมาจากต้นไม้ที่ตัดทิ้งไป
2. นำมามัดติดต้นไม้ด้วยเชือกฟาง
3. รดน้ำทุกวันเพื่อให้รากติด
4. พอรากติดแล้วไม่ต้องดูแลอะไรเลย

วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2554

บ่มีแฟน ดรีม ศุภกานต์ Remix 130

การ์ดวันพ่อ

การ์ดวันพ่อสวยๆ
http://image.kapook.com/glitter/fatherday2007/Dad06.gif
http://203.144.244.115/images/ragnarok/D87_poster.jpg


 
 No Image หัวข้อ : 0086-1 (No. 1)
ผู้โพส : admin สถานะ : ผู้ดูแล

Reply Number 1 แทรกข้อความ ในกรอบที่ 1
1/12/2009 - 05:01
Add?  No Card  Bad Report  Delete
 


 

คําขวัญวันพ่อ






 
 No Image หัวข้อ : 0086-1 (No. 2)
ผู้โพส : admin สถานะ : ผู้ดูแล

Reply Number 2 แทรกข้อความ ในกรอบที่ 2
25/11/2010 - 08:05
Add?  No Card  Bad Report  Delete
 


 

การ์ดวันพ่อ แบบการ์ดวันพ่อ ทำการ์ดวันพ่อ






 
 No Image หัวข้อ : 0086-1 (No. 3)
ผู้โพส : admin สถานะ : ผู้ดูแล

Reply Number 3 แทรกข้อความ ในกรอบที่ 3
25/11/2010 - 08:27
Add?  No Card  Bad Report  Delete
 


 

การ์ดวันพ่อ แบบการ์ดวันพ่อ






 
 No Image หัวข้อ : 0086-1 (No. 4)
ผู้โพส : admin สถานะ : ผู้ดูแล

Reply Number 4 แทรกข้อความ ในกรอบที่ 4
25/11/2010 - 08:28
Add?  No Card  Bad Report  Delete
 


 

การ์ดวันพ่อ แบบการ์ดวันพ่อ






OfficialMVที่รัก ปราโมทย์ ปาทาน ประกอบละครเกมร้ายเกมรัก

ทะเลสีดำ - ลุลา Feat.ต้าร์ Paradox

กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม ~ Crescendo

ที่รัก - ปราโมทย์ Ost.เกมร้ายเกมรัก

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ได้ที่2ก็ยังดี

ป้อจายลั้นลา.mpg

กลอนวันพ่อ

กลอนแปด...วันพ่อ By Ampear



พระคุณพ่อล้ำฟ้ามหาสมุทร
เปรียบประดุจภูผาอันสูงใหญ่
รักของพ่อแน่แท้กว่าสิ่งใด
ไม่ห่างไกลพ่อเราเฝ้าดูแล
คอยกล่อมเกลี้ยงอบรมบรมนิสัย
เฝ้าห่วงใยตักเตือนไม่เชื้อนแช
ยามลูกเจ็บพ่อเจ็บถึงดวงแด
เฝ้าดูแลลูกยาเอื้ออาทร
ในวันนั้นที่ฉันมีความทุกข์
พ่อคอยปลุกปลอบใจให้หายหมอง
ลูกร้องไห้พ่อคอยกอดประคอง
นวลละอองลูกยาอย่าเสียใจ
มาวันนี้ลูกพ่อได้เติบใหญ่
ก้าวต่อไปภายหน้าอย่างสดใส
เพราะความรักของพ่อเหนือสิ่งใด
ลูกภูมิใจรักพ่อสุดพรรณนา


ขอขอบคุณ กลอนวันพ่อ จาก : http://poem.meemodel.com/father/55782.html
โดยคุณ Ampear




กลอนรักพ่อ



ขอกราบเท้า คุณพ่อ ที่เคารพ ขอน้อมนพ ในพระคุณ ที่ใหญ่หลวง
เรื่องชิวิต ลูกนั้น อยู่ที่ดวง พ่ออย่าห่วง ว่าลูก ไม่สุขพลัน
ตัวพ่อนั้น ตรากตรำ ทำงานหนัก เพื่อลูกรัก พ่อทำ ทุกสิ่งหน
ลูกยกให้ พ่อนั้น เป็นยอดคน เป็นผู้ทน ผู้แทน จากดวงใจ
พ่อหาให้ ทุกสิ่ง ที่ลูกขอ ไม่รีรอ ขอมา พ่อจัดสรร
ทำงานหนัก พักน้อย ทำทุกวัน เพื่อลูกนั้น พ่อทำ จนสุดใจ
ไม่มีใคร เก่งไซร้ เกินกว่าพ่อ ลูกไม่ขอ พ่อนั้น ก็มอบให้
มอบความรัก ที่พัก มอบด้วยใจ ไม่มีใคร ดีไซร้ เกินพ่อเอย
ลูกไม่เคย ทำสิ่งไหน ให้พ่อนั้น ต้องผูกพัน ภูมิใจ ไปมากหลาย
หลายครั้งผิด ลูกคิด ลูกเสียดาย แต่สุดท้าย พ่อนั้น ให้อภัย
บอกครั้งนี้ บอกที มีความหมาย ลูกเสียดาย เรื่องการเรียน ลูกผิดหวัง
แม้ลูกนั้น พยายาม สักกี่ครั้ง ก็หมดหวัง เพราะมัน ช่างไกลเกิน
ลูกนั้นอยาก เดินตาม ที่วางไว้ อาจทำให้ พ่อนั้น ต้องผิดหวัง
เรื่องการเรียน ลูกนั้น อาจพลาดพลั้ง ทำให้พ่อ ผิดหวัง ไม่สมใจ
ขอพ่อจง ยกโทษ ลูกคนนี้ ขออย่ามี โมโห หรือโทสัน
ลูกนั้นผิด ลูกคิด อยู่ทุกวัน ให้พ่อนั้น ผิดหวัง หรือเสียใจ
แม้ทางเดิน ของลูก ในตอนนี้ อาจไม่มี ความยาว เหมือนใครเขา
เพื่อลูกนี้ ขอพ่อจง อย่าได้เศร้า ยังมีเงา ลูกยัง ฟันฝ่าไป
ขอพ่อจง อวยชัย ลูกคนนี้ แม้ไม่ดี เหมือนคน อื่นใครเขา
ไม่สำเร็จ ดังพ่อหวัง ในตัวเรา ดูใครเขา เรียนจบ เป็นนายคน
แต่ใจลูก ไม่เพียง แต่อย่างนั้น มีความฝัน ที่ลูก ต้องค้นหา
หนทางเดิน ที่ลูก ขอเวลา ในไม่ช้า ลูกคง ได้พบเจอ
ขอพ่อจง เชื่อมั่น ในตัวลูก ที่พันผูก อบรม บ่มนิสัย
หนทางเดิน ลูกนั้น ยังยาวไกล ขอพ่อเป็น กำลังใจ เพื่อลูกเอย
แค่เรื่องเดียว ที่ลูก บอกพ่อไว้ ขอเชื่อใจ ว่าลูก จะไปถึง
ลูกจะทำ ให้พ่อเห็น ในวันนึง ต้องไปถึง ความฝัน สักวันเอย

กลอนแปด...วันพ่อ By Ampear



พระคุณพ่อล้ำฟ้ามหาสมุทร
เปรียบประดุจภูผาอันสูงใหญ่
รักของพ่อแน่แท้กว่าสิ่งใด
ไม่ห่างไกลพ่อเราเฝ้าดูแล
คอยกล่อมเกลี้ยงอบรมบรมนิสัย
เฝ้าห่วงใยตักเตือนไม่เชื้อนแช
ยามลูกเจ็บพ่อเจ็บถึงดวงแด
เฝ้าดูแลลูกยาเอื้ออาทร
ในวันนั้นที่ฉันมีความทุกข์
พ่อคอยปลุกปลอบใจให้หายหมอง
ลูกร้องไห้พ่อคอยกอดประคอง
นวลละอองลูกยาอย่าเสียใจ
มาวันนี้ลูกพ่อได้เติบใหญ่
ก้าวต่อไปภายหน้าอย่างสดใส
เพราะความรักของพ่อเหนือสิ่งใด
ลูกภูมิใจรักพ่อสุดพรรณนา


ขอขอบคุณ กลอนวันพ่อ จาก : http://poem.meemodel.com/father/55782.html
โดยคุณ Ampear




กลอนรักพ่อ



ขอกราบเท้า คุณพ่อ ที่เคารพ ขอน้อมนพ ในพระคุณ ที่ใหญ่หลวง
เรื่องชิวิต ลูกนั้น อยู่ที่ดวง พ่ออย่าห่วง ว่าลูก ไม่สุขพลัน
ตัวพ่อนั้น ตรากตรำ ทำงานหนัก เพื่อลูกรัก พ่อทำ ทุกสิ่งหน
ลูกยกให้ พ่อนั้น เป็นยอดคน เป็นผู้ทน ผู้แทน จากดวงใจ
พ่อหาให้ ทุกสิ่ง ที่ลูกขอ ไม่รีรอ ขอมา พ่อจัดสรร
ทำงานหนัก พักน้อย ทำทุกวัน เพื่อลูกนั้น พ่อทำ จนสุดใจ
ไม่มีใคร เก่งไซร้ เกินกว่าพ่อ ลูกไม่ขอ พ่อนั้น ก็มอบให้
มอบความรัก ที่พัก มอบด้วยใจ ไม่มีใคร ดีไซร้ เกินพ่อเอย
ลูกไม่เคย ทำสิ่งไหน ให้พ่อนั้น ต้องผูกพัน ภูมิใจ ไปมากหลาย
หลายครั้งผิด ลูกคิด ลูกเสียดาย แต่สุดท้าย พ่อนั้น ให้อภัย
บอกครั้งนี้ บอกที มีความหมาย ลูกเสียดาย เรื่องการเรียน ลูกผิดหวัง
แม้ลูกนั้น พยายาม สักกี่ครั้ง ก็หมดหวัง เพราะมัน ช่างไกลเกิน
ลูกนั้นอยาก เดินตาม ที่วางไว้ อาจทำให้ พ่อนั้น ต้องผิดหวัง
เรื่องการเรียน ลูกนั้น อาจพลาดพลั้ง ทำให้พ่อ ผิดหวัง ไม่สมใจ
ขอพ่อจง ยกโทษ ลูกคนนี้ ขออย่ามี โมโห หรือโทสัน
ลูกนั้นผิด ลูกคิด อยู่ทุกวัน ให้พ่อนั้น ผิดหวัง หรือเสียใจ
แม้ทางเดิน ของลูก ในตอนนี้ อาจไม่มี ความยาว เหมือนใครเขา
เพื่อลูกนี้ ขอพ่อจง อย่าได้เศร้า ยังมีเงา ลูกยัง ฟันฝ่าไป
ขอพ่อจง อวยชัย ลูกคนนี้ แม้ไม่ดี เหมือนคน อื่นใครเขา
ไม่สำเร็จ ดังพ่อหวัง ในตัวเรา ดูใครเขา เรียนจบ เป็นนายคน
แต่ใจลูก ไม่เพียง แต่อย่างนั้น มีความฝัน ที่ลูก ต้องค้นหา
หนทางเดิน ที่ลูก ขอเวลา ในไม่ช้า ลูกคง ได้พบเจอ
ขอพ่อจง เชื่อมั่น ในตัวลูก ที่พันผูก อบรม บ่มนิสัย
หนทางเดิน ลูกนั้น ยังยาวไกล ขอพ่อเป็น กำลังใจ เพื่อลูกเอย
แค่เรื่องเดียว ที่ลูก บอกพ่อไว้ ขอเชื่อใจ ว่าลูก จะไปถึง
ลูกจะทำ ให้พ่อเห็น ในวันนึง ต้องไปถึง ความฝัน สักวันเอย

กลอนวันพ่อ

คำสอนพ่อ



คำสอนพ่อกลั่นมาจากรัก
คำสอนพ่อประจักษ์ให้เห็น
คำสอนพ่อสอนเราเช้าเย็น
คำสอนพ่อหวังเห็นเราทำดี


ขอขอบคุณ กลอนวันพ่อ จาก : http://poem.meemodel.com/father/55036.html
โดยคุณ Spirit2

เกษตรธรรมชาติ เชื้อราขาว จาก ต้นไผ่

เกษตรธรรมชาติ เชื้อราขาว จาก ต้นไผ่



หลายๆ คนคงเคยได้ยินคำว่า ประเทศหลังม่านไม้ไผ่เมื่อเปิดเข้าไปข้างหลังม่านไม้ไผ่เราก็ จะพบกับประเทศจีนประเทศที่มีประเพณี วัฒนธรรม ที่คนทั่วโลกให้ความสนใจเป็นอันมาก ซึ่งครั้งนี้เราจะได้นำเกล็ดเกี่ยวกับต้นไผ่มาฝาก จะเห็นได้ว่าต้นไผ่นี้ชาวจีนนิยมปลูกกันมาก จนฝรั่งกล่าวว่าไผ่เป็นมิตรของชาวจีน ต้นไผ่มีอยู่หลายชนิดบางชนิดลำต้นมีลาย จึงมีนิทานเล่าว่า ลำข้อที่ลายเกิดขึ้นจากน้ำตาของพระมเหสี 2 องค์ของฮ่องเต้ซุน ที่ร่ำไห้เสียใจที่ฮ่องเต้ได้สิ้นพระชนม์ลง และน้ำตามาติดที่ข้อไผ่จนเกิดเป็นลาย บางชนิดบางต้นเป็นสีเขียวเรียบ ส่วนขนาด ของลำต้นนั้นมีความสูงตั้งแต่ 2-3 ฟุต ไปจนถึง 20-30 ฟุต ส่วนมากจะนิยมปลูกทางใต้ของประเทศจีน แต่ต่อมาได้นำมาปลูกทางเหนือด้วย ต้นไผ่นี้ชาวจีนถือว่าเป็นต้นไม้ของนักปราชญ์     ไผ่มีความหมายในทางสัญลักษณ์คือ ตัวลำต้นเป็นข้อแข็งแกร่งคงทนจีนเรียกว่า " เจี๊ย" หมายถึงคนมีข้อ คือคนที่ข้างในของไผ่จะกลวง ถ้าเปรียบกับคน ก็เปรียบเสมือนคนใจกว้างยอมรับความคิดเห็นและคำแนะนำของผู้อื่น ชอบหาความรู้เพิ่มเติม ส่วนใบเขียวของไผ่มีความแข็งแรงทนได้ทุกสภาวการณ์ไม่ว่าจะร้อนหรือหนาว จึงเป็นเหตุให้เหล่า เสนาธิการหรือกุนซือของกองทัพจีนนิยมมีเข็มกลัดเป็นรูปข้อไผ่ติดบนหน้าอก ซึ่งเป็น สัญลักษณ์ของความเข้มแข็ง ความมีปัญญา ความจงรักภักดี ความซื่อสัตย์และความกตัญญู ในเมืองไทยที่เห็นปลูกไผ่นั้นส่วนมากนิยมปลูกเพื่อการตกแต่งบ้านให้ร่มเงา หรือนำเอาส่วนต่างๆ ของต้นไผ่มาทำเฟอร์นิเจอร์ เครื่องตกแต่งต่างๆ แต่ถ้าเราจะเอาแบบอย่างของความหมายทาง สัญลักษณ์ของต้นไผ่มาใช้ในชิวิตประจำวัน ก็คิดว่าสังคมไทยคงจะน่าอยู่มากกว่านี้มีหลักการไม่ลู่ตามลม

ต้นไผ่

ต้นไผ่


วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

MV ใจเหลือเหลือ - Dr.Fuu

哆啦A夢夏日時光-走路有風篇

การ์ตูนตลกๆคลายเครียด

การ์ตูนตลกๆคลายเครียด

THE LARGEST RED ORANDA GOLDFISH

ทอฟฟี่มะละกอ

ทอฟฟี่มะละกอ


                                 มะละกอเป็นพืชเศรษฐกิจ  มีลำต้นสูง  ก้านยาว  ใบใหญ่หยัก  ผลของมะละกอทานได้ทั้งดิบและสุก  มะละกอดิบนำมาแกงส้ม  แกงคั่ว  ส้มตำ  รับประทานกับขนมจีน  ผลสุกรับประทานเป็นผลไม้  ทำแยม  ผลไม้กวน  ผลมะละกอมีวิตามินเอ  วิตามินซีสูง  มีฟอสฟอรัส  กากใย  เป็นยาระบายอย่างดี  ช่วยในระบบขับถ่าย  บำรุงธาตุ

  • ส่วนผสม

1.มะละกอสุกบดละเอียด   4   ถ้วยตวง
2.น้ำตาลทราย   2 ½   ถ้วยตวง
3.น้ำมะนาว    4  ช้อนโต๊ะ
4.เกลือ  2    ช้อนชา
5.น้ำมันพืช     1   ช้อนโต๊ะ
6.แบะแซ    1/3       ถ้วยตวง

                                              
     
  • วิธีทำ
1.นำมะละกอต้มกับน้ำมะนาวในหม้อเคลือบด้วยไฟแรง  แล้วค่อย  ๆ  ลดไฟให้อ่อนลง  ใส่น้ำมันพืช
2.ใส่น้ำตาลทรายลงในหม้อกวน  ใส่ทีละน้อยลงกวน  กวนจนกระทั่งร่อน  จึงยกลงมาเทใส่ถาดที่ทาน้ำมันพืช  แล้วปั้นเป็นก้อน  ๆ  ห่อด้วยกระดาษแก้ว  เป็นทอฟฟี่มะละกอ

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ก๊าซแพง เกษตรกรพะเยา ผลิตก๊าซชีวภาพใช้เอง

ก๊าซแพง เกษตรกรพะเยา ผลิตก๊าซชีวภาพใช้เอง
เชื้อเพลิงที่เราใช้ประกอบอาหารส่วนใหญ่ก็คือ ก๊าซหุงต้ม หรือก๊าซแอลพีจี เป็นก๊าซที่ได้จากธรรมชาติ เป็นผลผลิตจากปิโตรเคมี ที่เราทราบกันดีแล้วว่าเริ่มขาดแคลนและมีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ประเทศไทยจะมีแหล่งก๊าซธรรมชาติของเราเอง แต่ก็มีอยู่ไม่มาก ทุกวันนี้เราเองต้องสั่งซื้อก๊าซจากต่างประเทศเข้ามาใช้กันแล้ว สภาวการณ์เช่นนี้ ก๊าซชีวภาพน่าจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจทางหนึ่ง ที่เราน่าจะเริ่มนำมาใช้กันอย่างจริงจัง นับแต่วันนี้ เพราะสามารถนำมาเป็นเชื้อเพลิงที่ใช้ในการหุงต้มแทนก๊าซแอลพีจี ได้อย่างสบาย
ก๊าซชีวภาพที่ผลิตขึ้นจากการหมักมูลสัตว์ มูลคน และขยะเหลือทิ้งที่ย่อยสลายได้จากครัวเรือนและชุมชน โดยการหมักในสภาพแวดล้อม เช่น ถังหมักหรือบ่อที่ไร้อากาศ จุลินทรีย์ที่มีอยู่ตามธรรมชาติจะเปลี่ยนอินทรียวัตถุเหล่านี้ให้กลายเป็น ก๊าซชีวภาพที่มีคุณสมบัติติดไฟ สามารถนำไปใช้เป็นพลังงานให้ความร้อน ใช้หุงต้ม ให้แสงสว่าง หรือใช้เดินเครื่องจักรเครื่องยนต์ได้
ส่วนใหญ่การทำบ่อหมักก๊าซชีวภาพของฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ก็เพื่อแก้ปัญหามูลสัตว์ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ส่งกลิ่นเหม็น และส่งผลเสียต่อสภาพแวดล้อม ได้ก๊าซชีวภาพเป็นผลพลอยได้ ในปัจจุบันก๊าซธรรมชาติกำลังขาดแคลนและมีราคาสูง ก๊าซชีวภาพจึงน่าจะกลับมามีบทบาทที่สำคัญในการแก้ปัญหาในเรื่องพลังงาน ถังหมักหรือบ่อหมักก๊าซชีวภาพมีหลายรูปแบบ และหลายขนาด ตั้งแต่ถังขนาดเล็กที่สามารถทำใช้เองในครัวเรือน ไปจนถึงบ่อถาวรขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นใช้ในชุมชน แต่ที่สำคัญเทคโนโลยีก๊าซชีวภาพนี้มีข้อดีที่ทุกคนสามารถทำขึ้นใช้เอง ทำให้สามารถพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น รวมทั้งแก้ไขปัญหาขยะที่มีมากขึ้นจนเป็นปัญหาให้ลดลง จึงช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมไปในตัว รวมทั้งได้ผลพลอยได้ที่เป็นปุ๋ยหมักและน้ำหมักชีวภาพที่สามารถนำไปใช้เป็น ปุ๋ยปลูกพืชปลอดสารเคมีได้เป็นอย่างดี
คุณลุงเสาร์แก้ว ใจบาล อยู่บ้านเลขที่ 139 หมู่ที่ 4 ตำบลบ้านตุ่น อำเภอเมืองพะเยา และ คุณลุงเจริญ คำโล อยู่บ้านเลขที่ 75 หมู่บ้านเดียวกัน อ่านเจอจากหนังสือ ก็ใคร่ครวญตรึกตรองกันอยู่นาน คิดอยู่ว่ามันจะเกิดก๊าซจริงหรือเปล่า อย่ากระนั้นเลย ไม่ลองก็ไม่รู้ เลยตัดสินใจชวนกันทำดู ไปซื้อวัสดุ ซึ่งประกอบไปด้วย
ส่วนประกอบของถังหมักและถังเก็บก๊าซชีวภาพ
ถังพลาสติคปิดฝา ขนาด 200 ลิตร จำนวน 1 ใบ ทำหน้าที่ในการบรรจุมูลสัตว์และเศษอาหารเพื่อย่อยสลายจนเกิดก๊าซ โดยมีช่องใส่วัตถุดิบ ท่อน้ำล้นเพื่อควบคุมปริมาตรภายใน และท่อระบาย ด้านบนจะมีสายยางต่อเพื่อลำเลียงก๊าซที่ผลิตได้ไปสู่ถังเก็บ
ถังพลาสติคเปิดฝาบน ขนาด 200 ลิตร จำนวน 1 ใบ เป็นถังเก็บก๊าซถังหงาย โดยจะตั้งหงายเพื่อบรรจุน้ำสำหรับเป็นตัวกันไม่ให้ก๊าซรั่วออกนอกถังเก็บ ถังจะตั้งหงายเพื่อให้ถังใบเล็กอีกถังครอบ ในส่วนของคุณลุงเสาร์แก้ว ดัดแปลงใช้วงบ่อซีเมนต์ ขนาด 80 เซนติเมตร 2 วง ฉาบปูนแทน
ถังพลาสติคเปิดฝาบน ขนาด 120 ลิตร จำนวน 1 ใบ เป็นถังเก็บก๊าซถังคว่ำ โดยจะตั้งคว่ำลงภายในถังเก็บก๊าซ ขนาด 200 ลิตร หรือวงบ่อที่ใส่น้ำ ทำหน้าที่เป็นตัวกักก๊าซไว้โดยตัวถังจะลอยขึ้นเมื่อก๊าซถูกลำเลียงมาจากถัง หมัก ด้านบนจะมีท่อลำเลียงก๊าซไปจุดใช้งานต่อไป ก่อนจะเริ่มใช้งานให้ใส่น้ำลงไปในถังใบที่ 2 ถังเก็บก๊าซถังหงายให้เต็ม แล้วสวมถังใบที่ 3 หรือถังเก็บก๊าซถังคว่ำลงในถังใบที่ 2 ให้จมลงไปในน้ำพอดีก้นถัง ต่อสายยางจากถังหมักมายังถังเก็บก๊าซ และต่อสายยางจากถังเก็บก๊าซไปยังเตาแก๊สเพื่อไว้ใช้งานต่อไป
ส่วนประกอบสำหรับท่อน้ำล้นและท่อระบายของถังหมักก๊าชชีวภาพ
ข้อต่อเกลียวนอก ขนาด 1 นิ้ว 1 อัน
ข้องอเกลียวใน ขนาด 1 นิ้ว
ท่อพีวีซี ขนาด 1 นิ้ว ตัดยาว 2 นิ้ว 1 อัน
3 ทาง ขนาด 1 นิ้ว 2 อัน
ฝาปิดพีวีซี ขนาด 1 นิ้ว 1 อัน
ท่อพีวีซี ขนาด 1 นิ้ว ตัดประมาณ 40 เซนติเมตร 1 อัน
ท่อพีวีซี ขนาด 1 นิ้ว ตัดประมาณ 30 เซนติเมตร 1 อัน
ส่วนประกอบสำหรับช่องเติมและท่อส่งก๊าซของถังหมัก
ท่อพีวีซี ขนาดยาว 1 เมตร เจาะช่องกลางท่อ ขนาดกว้าง 0.5 ของท่อ และยาว 15 เซนติเมตร ตัดให้ช่องห่างจากปากท่อ 32 เซนติเมตร
ข้องอเกลียวนอก ขนาด 4 หุน 1 อัน
หัวต่อสายยางเกลียวนอก ขนาด 4 หุน 1 อัน
ส่วนประกอบสำหรับท่อนำก๊าซของถังเก็บก๊าซ
3 ทาง ขนาด 4 หุน 1 ตัว
หัวต่อสายยางเกลียวนอก ขนาด 4 หุน 2 อัน
ส่วนประกอบปลีกย่อยอื่นๆ
กิ๊บยึดท่อ ขนาด 1 นิ้ว 1-2 อัน
กาวซีเมนต์ (กาวแห้งเร็ว 2 หลอดคู่) 1 ชุด
กาวซิลิโคลน ชนิดใส 1 หลอด
สายยาง 3 หุน ยาว 5 เมตร 1 เส้น
วิธีการประกอบถังหมักก๊าซชีวภาพ
นำ ถังใบที่ปิดสนิทเจาะรูขนาดเท่ากับเกลียวของข้อต่อเกลียวนอก 4 หุน บริเวณที่เรียบๆ บนฝาถัง เจาะรูถังขนาดเท่าเกลียวนอกของข้อต่อตรงขนาด 1 นิ้ว เจาะบริเวณข้างถังสูงจากก้นถังประมาณ 3 นิ้ว เนื่องจากฝาถังหมักปิดสนิทต้องใช้แท่งพีวีซี ติดข้อต่อเกลียวนอก ขนาด 1 นิ้ว ไว้ที่ปลาย แล้วแยงจากช่องเติมอาหารผ่านไปติดที่ข้างถังด้านใน โดยให้ปลายเกลียวพ้นรูถังออกมา ทากาวบริเวณที่พ้นผ่านรูออกมา และทากาวที่ปากท่อข้องอเกลียวใน 1 นิ้ว จึงนำมาประกอบกัน ในส่วนของส่วนประกอบท่อน้ำล้น โดย 3 ทางตัวบน ต้องสูงได้ 75 เปอร์เซ็นต์ของตัวถัง จากนั้นยึดด้วยกิ๊บยึดท่อก็เป็นอันเสร็จในส่วนท่อน้ำล้น จากนั้นนำข้องอเกลียว ขนาด 4 หุน มาทากาวที่ปากท่อหมุนเกลียวเข้ารูที่ใช้ลำเลียงก๊าซด้านบนของถังหมัก และติดหัวต่อสายเกลียวนอก ขนาด 4 หุน ที่ข้องอเพื่อจะใช้ต่อสายยางต่อไป ประกอบท่อพีวีซี 3 นิ้ว ส่วนที่เป็นที่เติมวัตถุดิบด้านบนของถัง โดยหย่อนลงในถังด้านบนที่เจาะรูไว้ หันช่องเติมที่เจาะเข้าด้านในถัง ทากาวขอบท่อให้ทั่วเพื่อกันอากาศเข้า
วิธีการประกอบถังเก็บก๊าซชีวภาพ
เจาะ รูที่ก้นถังพลาสติคขนาด 120 ลิตร 1 รู ขนาดเท่ากับเกลียวของข้องอเกลียวนอก ขนาด 4 หุน ติด 3 ทาง ขนาด 4 หุน ที่ก้นถังด้านนอกอัดกาวให้ทั่ว ใช้เกลียวหมุนให้แน่น ต่อหัวต่อสายยางเกลียวนอก ขนาด 4 หุน ทั้ง 2 ด้าน ของรู 3 ทาง จากนั้นต่อสายยาง ขนาด 3 หุน เข้าหาถังหมัก และถังเก็บก๊าซความยาวตามต้องการ
การใช้งานถังหมักก๊าซชีวภาพ
วัตถุดิบ
1. มูลสัตว์
2. น้ำ
3. เศษอาหาร
ขั้นตอนการหมักก๊าซชีวภาพ
นำมูลสัตว์แห้งหรือเปียกผสมกับน้ำแล้วใส่ลงไปในถังหมักปริมาตร 25 เปอร์เซ็นต์ของตัวถัง ใช้ท่อพีวีซี กระทุ้งให้มูลสัตว์กระจายตัวให้ทั่วถึง หมักมูลสัตว์ที่เป็นวัตถุดิบตั้งต้นในถังประมาณ 10-15 วัน หลังจากนั้น เติมน้ำลงไปให้ถึงระดับ 75 เปอร์เซ็นต์ของถัง ซึ่งจะอยู่ที่ระดับน้ำล้นของถัง แล้วจึงสามารถเติมเศษอาหารหรือมูลสัตว์เพื่อผลิตก๊าซต่อไปได้ ในระยะแรกเติมวัตถุดิบแต่น้อยทุกวันที่มีการใช้ก๊าซประมาณ 1-2 กิโลกรัม แต่ไม่ควรเกิน 4 กิโลกรัม ต่อวัน เมื่อใช้ไปนานๆ สามารถเติมได้มากขึ้น แต่ไม่เกิน 10 กิโลกรัม เมื่อเติมลงช่องให้ใช้ท่อพีวีซี กระทุ้งขึ้น-ลงให้เศษอาหารกระจายตัว กระบวนการย่อยเพื่อผลิตก๊าซจะใช้เวลาประมาณ 24 ชั่วโมง เมื่อมีก๊าซเกิดขึ้น ชุดถังเก็บก๊าซที่คว่ำอยู่จะเริ่มลอย ก๊าซที่เกิดมาชุดแรกให้ปล่อยทิ้งก่อนเพราะจะจุดไฟไม่ติดหรือติดยาก เพราะมีปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์มาก เมื่อหมักจนเกิดก๊าซตั้งแต่ถังที่ 2 ต่อไปจึงสามารถจุดไฟใช้งานได้
การดูแลรักษา
เมื่อ ใช้งานจนถึงช่วง 7 เดือน ถึง 1 ปี ให้ปล่อยกากออกทางช่องระบาย ซึ่งสามารถสังเกตได้จากเมื่อเติมมูลสัตว์หรือเศษอาหารเข้าไปแล้วไม่ค่อยล้น แสดงว่ามีเศษไปตกตะกอนอุดตัน หรือดูได้จากอัตราการเกิดก๊าซน้อยลง แสดงว่ามีการอุดตันเช่นเดียวกัน ไม่ควรใส่เศษอาหารเปรี้ยวในถังหมักเพราะจะทำให้แบคทีเรียไม่ทำงาน เนื่องจากค่าความเป็นกรดด่างไม่เหมาะสม ในถังเมื่อมีค่ากรดเกินไปจะสังเกตได้จากการเกิดก๊าซน้อย และพยายามอย่าให้ถังกระทบกระเทือนมากเพราะกาวจะกะเทาะออกได้จนเกิดการรั่ว เมื่อเกิดก๊าซให้ตรวจสอบรอยรั่วและสามารถใช้กาวทาซ่อมได้
ข้อเด่นของ ก๊าซแอลพีจี ที่เราใช้กันอยู่จนเคยชินคือ เรื่องแรงดันของก๊าซ ความร้อนของไฟ และการที่สามารถบรรจุในถังก๊าซได้ ซึ่งก๊าซชีวภาพที่เราผลิตจากมูลสัตว์และเศษอาหารในชุดถังหมักนี้จะมีแรงดัน ต่ำกว่าก๊าซแอลพีจี จึงต้องมีการปรับรูเตาแก๊สให้มีขนาดใหญ่ขึ้น หรือใช้วิธีเพิ่มน้ำหนักกดทับด้านบนของถังเก็บก๊าซหรือทำโครงเหล็กกดถังเก็บ ก๊าซ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดแรงดันก๊าซชีวภาพที่มากขึ้น
คุณลุงเสาร์ และคุณลุงเจริญ แห่งตำบลบ้านตุ่น อำเภอเมืองพะเยา พูดถึงเรื่องก๊าซว่า นับวันก๊าซแอลพีจี มีแต่ราคาจะแพงขึ้น แหล่งก๊าซธรรมชาติก็เริ่มหมดไป ชีวิตในเมืองที่ทรัพยากรธรรมชาติ อย่างเช่น ไม้ที่จะนำมาเผาถ่านก็มีน้อย การพึ่งก๊าซธรรมชาติจากถังบรรจุที่จำหน่ายอยู่ทั่วไปอย่างเดียวก็คงเป็นทาง เลือกที่บั่นทอนค่าใช้จ่ายในครัวเรือน เพราะไม่สามารถควบคุมราคาได้ การนำทางเลือกอื่น อย่างเช่น ก๊าซชีวภาพมาใช้จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้พึ่งตนเองได้ เปลี่ยนขยะ หรือมูลสัตว์ ที่หากทิ้งไว้ก็เป็นสาเหตุหนึ่งของภาวะโลกร้อน สู้นำมาผลิตเป็นพลังงานทดแทนใช้ในครัวเรือน
เป็นการแก้ปัญหาในหลายๆ สิ่ง เมื่อหมักเสร็จแล้วเศษที่เหลือก็สามารถนำไปเป็นปุ๋ยให้กับแปลงพืช หรือหญ้าที่ปลูกไว้อีกด้วย
คุณ ลุงทั้งสองคนบอกว่า ยังอยากจะแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับคนที่มีแนวทางเดียวกัน สนใจจะมาดูของจริงเชิญที่บ้านได้เลย หรือใครที่ทำได้ดีกว่านี้คุณลุงทั้งสองบอกว่า ขอช่วยส่งข่าวให้ด้วยเพื่อจะได้ตามไปดูแล้วนำมาปรับปรุงของพวกเรา หากจะโทรศัพท์คุยกันเชิญที่โทร. (054) 423-228
การุณย์ มะโนใจ
วันที่ 01 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 21 ฉบับที่ 442

วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

http://www.konmun.com/Article/id4814.aspx

ระบบทางเดินอาหาร

ระบบหายใจ
           มนุษย์ทุกคนต้องหายใจเพื่อมีชีวิตอยู่ การหายใจเข้า อากาศผ่านไปตามอวัยวะของระบบหายใจตามลำดับ ดังนี้

 1.จมูก (Nose)
     จมูกส่วนนอกเป็นส่วนที่ยื่นออกมาจากตรงกึ่งกลางของใบหน้า รูปร่างของจมูกมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมพีระมิด ฐานของรูปสามเหลี่ยมวางปะ ติดกับหน้าผากระหว่างตาสองข้าง สันจมูกหรือดั้งจมูก มีรูปร่างและขนาดต่างๆกัน ยื่นตั้งแต่ฐานออกมาข้างนอกและลงข้างล่างมาสุดที่ปลายจมูก อีกด้านหนึ่งของรูปสามเหลี่ยมห้อยติดกับริมฝีปากบนรู จมูกเปิดออกสู่ภายนกทางด้านนี้ รูจมูกทำหน้าที่เป็นทางผ่านของอากาศที่หายใจเข้าไปยังช่องจมูกและกรองฝุ่นละอองด้วย
2. หลอดคอ (Pharynx)
     เมื่ออากาศผ่านรูจมูกแล้วก็ผ่านเข้าสู่หลอดคอ ซึ่งเป็นหลอดตั้งตรงยาวประมาณยาวประมาณ 5 " หลอดคอติดต่อทั้งช่องปากและช่องจมูก จึงแบ่งเป็นหลอดคอส่วนจมูก กับ หลอดคอส่วนปาก โดยมีเพดานอ่อนเป็นตัวแยกสองส่วนนี้ออกจากกัน โครงของหลอดคอประกอบด้วยกระดูกอ่อน 9 ชิ้นด้วยกัน ชิ้นที่ใหญ่ทีสุด คือกระดูกธัยรอยด์ ที่เราเรียกว่า "ลูกกระเดือก" ในผู้ชายเห็นได้ชัดกว่าผู้หญิง
3. หลอดเสียง (Larynx)
     เป็นหลอดยาวประมาณ 4.5 cm ในผู้ชาย และ 3.5 cm ในผู้หญิง หลอดเสียงเจริญเติยโตขึ้นมาเรื่อยๆ ตามอายุ ในวัยเริ่มเป็นหนุ่มสาว หลอดเสียงเจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในผู้ชาย เนื่องจากสายเสียง (Vocal cord) ซึ่งอยู่ภายในหลอดเสียงนี้ยาวและหนาขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไป จึงทำให้เสียงแตกพร่า การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากฮอร์โมนของเพศชาย
 4. หลอดลม (Trachea)
     เป็นส่วนที่ต่ออกมาจากหลอดเสียง ยาวลงไปในทรวงอก ลักษณะรูปร่างของหลอดลมเป็นหลอดกลมๆ ประกอบด้วยกระดูกอ่อนรูปวงแหวน หรือรูปตัว U ซึ่งมีอยู่ 20 ชิ้น วางอยู่ทางด้านหลังของหลอดลม ช่องว่าง ระหว่างกระดูกอ่อนรูปตัว U ที่วางเรียงต่อกันมีเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อเรียบมายึดติดกัน การที่หลอดลมมีกระดูกอ่อนจึงทำให้เปิดอยู่ตลอดเวลา ไม่มีโอกาสที่จะแฟบเข้าหากันได้โดยแรงดันจากภายนอก จึงรับประกันได้ว่าอากาศเข้าได้ตลอดเวลา หลอดลม ส่วนที่ตรงกับกระดูกสันหลังช่วงอกแตกแขนงออกเป็นหลอดลมแขนงใหญ่ (Bronchi) ข้างซ้ายและขวา เมื่อเข้าสู่ปอดก็แตกแขนงเป็นหลอดลมเล็กในปอดหรือที่เรียกว่า หลอดลมฝอย (Bronchiole) และไปสุดที่ถุงลม (Aveolus) ซึ่งเป็นการที่อากาศอยู่ ใกล้กับเลือดในปอดมากที่สุด จึงเป็นบริเวณแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจน กับคาร์บอนไดออกไซด์
5. ปอด (Lung)
     ปอดมีอยู่สองข้าง วางอยู่ในทรวงอก มีรูปร่างคล้ายกรวย มีปลายหรือยอดชี้ขึ้นไปข้างบนและไปสวมพอดีกับช่องเปิดแคบๆของทรวงอก ซึ่งช่องเปิดแคบๆนี้ประกอบขึ้นด้วยซี่โครงบนของกระดูกสันอกและกระดูกสันหลัง ฐานของปอดแต่ละข้างจะใหญ่และวางแนบสนิทกับกระบังลม
     ระหว่างปอด 2 ข้าง จะพบว่ามีหัวใจอยู่ ปอดข้างขวาจะโตกว่าปอดข้างซ้ายเล็กน้อย และมีอยู่ 3 ก้อน ส่วนข้างซ้ายมี 2 ก้อน
     หน้าที่ของปอดคือ การนำก๊าซ CO2 ออกจากเลือด และนำออกซิเจนเข้าสู่เลือด ปอดจึงมีรูปร่างใหญ่ มีลักษณะยืดหยุ่นคล้ายฟองน้ำ
6. เยื่อหุ้มปอด (Pleura)
     เป็นเยื่อที่บางและละเอียดอ่อน เปียกชื้น และเป็นมันลื่น หุ้มผิวภายนอกของปอด เยื่อหุ้มนี้ ไม่เพียงคลุมปอดเท่านั้น ยังไปบุผิวหนังด้านในของทรวงอกอีก หรือกล่าวได้อีกอย่างหนึ่งว่า เยื่อหุ้มปอดซึ่งมี 2 ชั้น ระหว่าง 2 ชั้นนี้มี ของเหลวอยู่นิดหน่อย เพื่อลดแรงเสียดสี ระหว่างเยื่อหุ้มมีโพรงว่าง เรียกว่าช่องระหว่างเยื่อหุ้มปอด



ระบบหายใจ
ระบบหายใจ


กระบวนการในการหายใจ
     ในการหายใจนั้นมีโครงกระดูกส่วนอกและ กล้ามเนื้อบริเวณอกเป็นตัวช่วยขณะหายใจเข้า กล้าม เนื้อหลายมัดหดตัวทำให้ทรวงอกขยายออกไปข้างหน้า และยกขึ้นบน ในเวลาเดียวกันกะบังลมจะลดต่ำลง การกระทำทั้งสองอย่างนี้ทำให้โพรงของทรวงอกขยาย ใหญ่มากขึ้น เมื่อกล้ามเนึ้อหยุดทำงานและหย่อนตัวลง ทรวงอกยุบลงและความดันในช่องท้องจะดันกะบังลม กลับขึ้นมาอยู่ในลักษณะเดิม กระบวนการเข่นนี้ทำให้ ความดันในปอดเพิ่มขึ้น เมื่อความดันในปอดเพิ่มขึ้นสูง กว่าความดันของบรรยากาศ อากาศจะถูกดันออกจาก ปอด ฉะนั้นจึงสรุปได้ว่า ปัจจัยประการแรกที่ทำให้ อากาศมีการเคลื่อนไหวเข้าออกจากปอดได้นั้น เกิด จากความดันที่แตกต่างกันนั่นเอง

การแลกเปลี่ยนก๊าซและการใช้ออกซิเจน
     เมื่อเราหายใจเข้า อากาศภายนอกเข้าสู่อวัยวะ ของระบบหายใจไปยังถุงลมในปอด ที่ผนังของถุงลมมีหลอดเลือดแดงฝอยติดอยู่ ดังนั้นอากาศจึงมีโอกาสใกล้ชิดกับเม็ดเลือดแดงมากออกชิเจนก็จะผ่านผนังนี้เข้าสู่เม็ดเลือดแดง และคาร์บอนไดออกไชด์ก็จะออกจากเม็ดเลือดผ่านผนังออกมาสู่ถุงลม ปกติในอากาศมีออกชิเจนร้อยละ 20 แต่อากาศที่เราหายใจมีออกขิเจนร้อยละ 13



ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
http://www.pt.ac.th/ptweb/studentweb/body/arweb/c6/

 

ระบบหายใจ ระบบหายใจมนุษย์ ระบบทางเดินหายใจ คืออะไร ความรู้ บทความ ความรู้รอบโลก รู้ไว้ใช้ว่า เชื่อหรือไม่ว่า Article

วันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554